“อ่างทอง” ถือเป็นหนึ่งในเมืองเก่าแก่ที่มีอายุมานานเป็นร้อย ๆ ปี แห่งหนึ่งของประเทศไทย ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากอยุธยามากนัก ทำให้ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมมีความใกล้เคียงและคล้ายคลึงกันอยู่มาก อย่างไรก็ตามอ่างทองได้ถูกยกย่องว่าเป็นเมืองแห่งศาสนา ที่นี่มีวัดเล็กใหญ่อยู่มากมาย โบราณสถาน โบราณวัตถุก็เยอะ หมู่บ้านวิถีชุมชนวิถีการเกษตรก็มาก แถมอยู่ไม่ห่างจากเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ อีกด้วย ทำให้ที่แห่งนี้ค่อนข้างเป็นสถานที่สุดพิเศษของทุกคน โดยเฉพาะคนในเมืองที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายในวันหยุด วิ่งรถมาเข้าวัดทำบุญแบบไปเช้าเย็นกลับเป็นทริปเล็ก ๆ ก็ดี หรือจะมานอนค้างสักคืนก็เยี่ยมไม่แพ้กัน

สำหรับใครที่อยู่ภาคกลาง “อ่างทอง” ถือเป็นจังหวัดที่ไปเที่ยวได้ง่ายและน่าไปเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสายบุญ ที่นี่คือเมืองแห่งประวัติศาสตร์เต็มไปด้วยวัดวาอาราม ซึ่งเต็มด้วยมนต์ขลังเรื่องราวอันทรงเสน่ห์ อีกทั้งยังถือเป็นเมืองที่รวบรวมเหล่าศิลปินงานช่างชั้นครูไว้อยู่มาก นอกจากนี้ที่นี่ยังถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชุมชนเบอร์ต้น ๆ ของประเทศไทย ที่แม่น้ำและชุมชนยังคงพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันอยู่อีกด้วย

หากจะบอกว่าความพิเศษของเมืองอ่างทองนั้นคือวัดวาอารามน้อยใหญ่ ก็คงไม่ผิดมากนัก เสน่ห์ของที่นี่คือประวัติศาสตร์ คือศาสนาพุทธและคือศิลปวัฒนธรรม วัดวาอารามที่นี่ล้วนแล้วแต่โดดเด่น มีเรื่องราวเป็นของตัวเองและมีความพิเศษที่ไม่เหมือนกันอยู่ กล่าวได้ว่าวัดแต่ละวัดของเมืองอ่างทอง เปรียบเสมือนเป็นแลนด์มาร์คแต่ละจุดของตัวจังหวัดก็ยังได้ ที่นี่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง ใครเป็นสายบุญ หรือชื่นชอบงานศิลปะและวัฒธรรม อ่างทองอาจเรียกได้ว่าเป็นจุดพักใจของเราเลยก็ยังได้นะ

ตลาดศาลเจ้าโรงทอง เป็นตลาด 100 ปีของเมืองอ่างทอง ที่นี่แม้จะเป็นตลาดแต่ก็ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มากเสน่ห์ และมีขนมโบราณอร่อย ๆ ให้เราได้ลิ้มลองแบบจัดหนัก มาพร้อมอาคารบ้านเรือนในสไตล์สถาปัตยกรรมจีน ถือเป็นตลาดวิถีไทยจีนที่คงมนตร์เสน่ห์แห่งวิถีชุมชนไว้ได้อย่างครบถ้วนเป็นเบอร์หนึ่งเลยละ

ศาลเจ้าพ่อกวนอู หรือ ศาลเจ้าอ่างทอง เป็นศูนย์รวมใจและเป็นสัญลักษณ์ของตลาดศาลเจ้าโรงทองซึ่งได้สร้างขึ้นจากแรงศรัทธา ของชาวจีนที่อาศัยอยู่ในชุมชนเพื่อเคารพกราบไหว้ในงานเทศกาลต่าง ๆ ที่นี่ประดิษฐานเหล่าเทพเจ้าที่ผู้คนเคารพเอาไว้อย่างครบถ้วน แต่โดดเด่นที่สุดคือเทพเจ้ากวนอู ที่ถือเป็นประธานของสถานที่

วัดม่วง เป็นวัดโบราณที่คาดว่ามีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ที่นี่โดดเด่นด้วยองค์พระประธานใหญ่สีทองอร่าม ที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก มีชื่อว่าหลวงพ่อใหญ่ หรือ พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ ที่แม้แต่เรามองจากไกล ๆ ก็ยังเห็นได้อย่างชัดเจน

แต่ก่อนที่วัดท่าอิฐเคยเป็นสถานที่ปั้นเผาอิฐที่จะนำไปก่อสร้างวัดขุนอินทประมูล ทำให้เมื่อสร้างวัดขึ้น จึงขนานนามว่า วัดท่าอิฐ ภายในอุโบสถประดิษฐานพระประธาน ชื่อว่า หลวงพ่อเพชร และในวิหารประดิษฐาน หลวงพ่อขาว ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่สร้างในสมัยอยุธยา อายุเก่าแก่กว่า 200 ปี

วัดขุนอินทประมูล ถือเป็นอีกหนึ่งวัดสวยที่มีอายุเก่าแก่สร้างตั้งแต่สมัยสุโขทัย ที่นี่เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธไสยาสน์ ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในประเทศไทย มีชื่อว่า พระศรีเมือง ใครผ่านมาเข้าไปกราบไหว้เป็นสิริมงคลเป็นอย่างมาก

วัดสังกระต่าย เป็นวัดเก่ากึ่งโบราณสถานที่มีอายุมากกว่า 400 ปีเห็นจะได้ โดดเด่นด้วยโบสถ์ปรกโพธิ์ โบสถ์ที่มีต้นโพธิ์เก่าแก่ขนาดใหญ่ขึ้นปกคลุมรอบโบสถ์ถึง 4 ต้น อีกหนึ่งสถานที่สุดพิเศษที่มีที่นี่เท่านั้น

หมู่บ้านทำกลองเอกราช อีกหนึ่งสถานที่บ้านแห่งงานฝีมือ และเป็นหมู่บ้านผลิตกลองที่มีชื่อเสียงและดีที่สุดในประเทศไทย คิดดูว่าที่นี่เริ่มทำกลองมาตั้งแต่ พ.ศ. 2470 นู่นเลย ใครอยากเห็นเขาทำกลองและอยากได้กลองกลับบ้าน มาเที่ยวที่นี่ดูได้เลย

บ้านหุ่นเหล็กได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม ๆ ที่ได้หยิบเอาเศษเหล็กอะไหล่รถยนต์เก่า ๆ มาตีหลอมประดิษฐ์เป็นหุ่นเหล็ก ไม่ก็ปั้นเป็นตัวต่าง ๆ ใครชอบถ่ายรูปกับประติมากรรมเท่ ๆ ต้องมาโดนสักครั้งนะ

1. เที่ยวเชิงวัฒนธรรม - แนะนำให้แวะไป 4 แห่งคือ ตลาดศาลเจ้าโรงทอง, ศูนย์ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ, หมู่บ้านทำกลองเอกราช, และล่องเรือชมวิถีชีวิตชาวบ้าน จะลองจัดลำดับแบบไหนดูก็ได้ ถ้าให้แนะนำ ให้ใช้สูตร 1 : 2 คือให้เริ่มทริปด้วยการล่องเรือชมวิวก่อน แล้วจึงไปต่อด้วยศูนย์การเรียนรู้หนึ่งในสองแห่ง ก่อนจะจบทริปวันนั้นด้วยการเดินตลาดศาลเจ้าโรงทอง บอกเลยว่าฟินมาก ๆ

2. เที่ยวแบบสายบุญ - ใครสายบุญแนะนำให้ตั้งทริปทำบุญ 9 วัดได้เลย เพราะวัดที่แนะนำนี้ครบ 9 วัดพอดี ใครไปครบทุกวัดแล้วจะแวะมาปิดทริปที่ตลาดศาลเจ้าโรงทอง หรืออินทร์โตฟาร์มก็ดีทั้งนั้น