ตลาดน้อย หรือ “ตะลัคเกียะ” ที่คนจีนชอบเรียกกัน เป็นย่านเก่าแก่ที่ยังหลงเหลืออยู่ในเมืองใหญ่อย่างเมืองกรุงเทพฯ เกิดจากการขยายตัวทางการค้าของตลาดสำเพ็ง ซึ่งแต่ก่อนตรงตลาดน้อยนี้เป็นที่ตั้งของชุมชนชาวจีนที่สร้างบ้านเรือนติดอยู่กับริมแม่น้ำเจ้าพระยา พอการค้าตรงนี้คึกคักและได้รับความนิยม จึงถูกเรียกว่า ตลาดน้อย ยาวนานมาจนถึงในปัจจุบัน แต่ก่อนที่จะกลายเป็นตลาดน้อยอย่างที่เล่าไปในข้างต้น พื้นที่ตรงแถบนี้เป็นชุมชนของเหล่าคนจีนที่เข้ามาตั้งรกราก ซึ่งในยุคนั้นคนจีนเหล่านี้มักสะสมอะไหล่รถยนต์เป็นจำนวนมากเพื่อนำไปดัดแปลง หรือใช้กับอุปกรณ์หากินของตัวเอง ทำให้พื้นที่ของตลาดน้อยหากใครที่เดินเข้าไปเที่ยว ก็มักจะได้เจอเศษซากอะไหล่เหล่านั้นมากมายซึ่งบางอย่างก็ ถูกนำมาประดับจนกลายเป็นอีกเสน่ห์หนึ่งที่เราจะหาจากที่ไหนไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่ที่ “ชุมชนตลาดน้อย” แห่งนี้

หากใครที่ชื่นชอบท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เดินกินลมชมวิว ถ่ายภาพเก๋ ๆ กับอาคารบ้านเรือน ท่องเที่ยวในแถบชุมชนที่ผู้อยู่อาศัยยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยว รวมถึงมีสถานที่มากมายเป็นจุดเช็คลิสต์ ทั้งคาเฟ่หรือสถานที่สุดพิเศษ ที่ยังสามารถคงกลิ่นอายความอบอุ่นของผู้คน และประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหา “ตลาดน้อย” เนี่ยแหละคือที่ที่คุณกำลังตามหาอยู่! โดยที่ตลาดน้อยแห่งนี้เป็นย่านท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนอาคารเก่าแก่ โดยอาคารแต่ละหลังก็เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานวัฒนธรรมไทยจีนไว้อย่างลงตัว ซึ่งปัจจุบันอาคารบ้านเรือนเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก อาจดูมีความเก่าอยู่บ้าง แต่ความเก่าแบบนี้แหละถือเป็นมนต์สเน่ห์อย่างหนึ่ง ที่เชิญชวนให้เราอยากไปเดินเที่ยวเล่น ถ่ายรูปชิล ๆ เข้าร้านคาเฟ่ริมทาง ซื้อของแผงลอย เดินดูผู้คนยิ้มแย้มให้กัน ถ่ายไปกินไป ได้ตลอดเส้นทางแบบไม่มีที่ไหนทำได้ !!

ศาลเจ้าโรงเกือกสร้างโดยชาวจีนฮกเกี้ยนตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นอาคารเก่าอายุกว่า 100 ปี โดยทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ หน้าศาลเจ้าจะจัดตลาดตะลักเกี้ยะขึ้น เป็นตลาดบรรยากาศดี ๆ ศูนย์กลางของชุมชน ที่มีทั้งของกิน กาแฟ จากเหล่าพี่ ๆ ลุงป้าน้าอาในพื้นที่ ให้เราเดินชิล ๆ ได้เพลิดเพลิน กินไป โดยนอกจากตัวศาลเจ้าจะโดดเด่นมาก ๆ แล้ว ตรงตรอกเล็ก ๆ ของศาลแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยภาพกราฟิตี้ และภาพเพนท์สีสันสดใส ที่ติดพร้อมกับภาพถ่ายในมุมต่าง ๆ ของตลาดน้อยที่ได้ชนะจากการประกวดเอาไว้อยู่ด้วย ใครมาแล้วควรแวะเข้าไปส่อง เข้าไปแช๊ะ แช๊ะ หรือยืนมองเพื่อดูเรื่องราวที่บอกเล่าอยู่ในภาพได้ด้วยนะ น่าไปเดินดูสักครั้ง

หนึ่งในจุดเช็คพ้อยท์แลนด์มาร์คชื่อดังของย่านตลาดน้อยแห่งนี้ ก็คือเจ้ารถเต่าคันเก่าที่ขับไม่ได้แล้วเนี่ยแหละ ตัวรถจอดอยู่ตรงริมกำแพงอิฐเก่า

ไปรษณีย์กลางบางรัก เป็นหนึ่งในสถานที่สุดพิเศษของย่านตลาดน้อย ที่ต่อให้ไม่มีกิจธุระต้องเอาไปรษณีย์มาส่ง ก็อยากให้มาเดินเที่ยวเล่นตรงแถบหน้าอาคารกลางดู เพราะตึกที่นี่เป็นสถานกงสุลอังกฤษและที่ว่าการกรมไปรษณีย์โทรเลขเก่า ทำให้ตัวอาคารถูกสร้างขึ้นมาในสไตล์แบบสากล ภายในเป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการของไปรษณีย์ไทย ไปรษณีย์เขตบางรัก และสำนักงานใหญ่ของศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ สามารถเข้าไปเดินเยี่ยมชมได้ เป็นหนึ่งในจุดแลนด์มาร์คที่ดีและสวยที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่ควรจะมาเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกสักครั้งเลยเชียวละ

ศาลเจ้าโจวซือกงเป็นอีกหนึ่งวัดจีนที่โดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรม อิงรูปแบบตัวอาคารมาจากช่วงสมัยราชวงศ์ชิงอย่างโดดเด่น แน่นอนว่าภายในมีเทพจีนหลายองค์ให้เราได้สักการะ ใครมาที่นี่เข้าไปไหว้เป็นสิริมงคลต่อตัวเองกันได้นะ

โบสถ์กาลหว่าร์คือโบสถ์คริสต์คาทอลิกที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โบสถ์แห่งนี้โดดเด่นทั้งสถาปัตยกรรมภายนอกและภายใน น่าเดินไปชมไปส่องดูสักครั้ง หรือจะถ่ายรูปนอกตัวอาคารก็ดูเก๋ไม่น้อยเลย

ที่ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้นี้ ไม่ใช่สถานที่อาคารเก่าเหมือนกับแลนด์มาร์คจุดอื่น ๆ ของตลาดน้อย ที่ศูนย์การค้านี้นอกจากเต็มไปด้วยร้านค้ามากมายแล้ว ที่แห่งนี้ยังเป็นจุดรวมของศิลปะ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และยังเป็นสถานที่ที่มักมีนิทรรศการศิลปะเจ๋ง ๆ มาจัดให้เราได้เข้าไปชมอยู่บ่อย ๆ

ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดน้อย เป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกในประเทศไทยชื่อว่า “แบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด” หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เปลี่ยนชื่อเป็น “ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด” โดดเด่นในด้านการออกแบบมาก ตัวอาคารใช้สถาปัตยกรรมบาโรก-อิตาเลียนสีเหลืองเป็นตัวออกแบบ ความโดดเด่นนี้ทำให้ตัวอาคารได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามในปี 2525 รวมถึงในทุกวันนี้ตัวธนาคารก็ยังเปิดให้บริการอยู่ด้วยนะ มาเปิดบัญชีที่นี้ก็ดีเหมือนกัน

ย่านตลาดน้อยนี้ นอกจากเต็มไปด้วยอาคารเก่ามากมายแล้ว ในหลาย ๆ จุดทั่วพื้นที่ยังเต็มไปด้วยค่าเฟ่ ที่ผสมผสานตัวเองเข้ากับอาคารเก่ามากมายได้อย่างลงตัว ให้เราได้เข้าไปเที่ยวชมกันแบบที่ไม่ควรพลาด

เราสามารถเที่ยวย่านตลาดน้อยได้ 2 วิธีด้วยกัน โดยจะเริ่มต้นจาก 2 ตำแหน่งหลัก ปากซอยเจริญกรุง 22 และ ซอยวานิช 2

1. สายเดิน – เราสามารถเดินชิล ๆ ถ่ายภาพ เยี่ยมชมคาเฟ่ และตะเวนไปยังตึกอาคารหรือสถานที่ดังในๆ พื้นที่ทั้งหมดได้ โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น

2. สายปั่น - ที่ตลาดน้อยมีร้านให้เช่าจักรยานอยู่ด้วย รวมถึงยังมีเส้นทางจักรยานที่ให้เราสามารถปั่นไปยังที่ต่างๆ ในตลาดน้อยได้ทั้งหมด ยืนยันว่าไม่เหงาแน่ เพราะมักจะมีฝรั่งมาเที่ยวปั่นด้วยกันอยู่บ่อย ๆ